โรคและยา หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากจากกระดูกสันหลังถูกทำลาย จนเส้นประสาทเสียหาย
ซึ่งกระดุกสันหลังประกอบด้วยกระดูก 30 ชิ้น ที่เริ่มตั้งแต่ส่วนคอ 7 ชิ้น กระดูกสันหลังส่วนกลางจำนวน 12 ชิ้น และ กระดูกส่วนล่างหรือว่าเอวจำนวน 5 ชิ้น แต่บริเวณคออกและเอว ทั้ง 24 ชิ้น
ซึ่งสามารถเชื่อมกันด้วยซึ่งเป็นแผ่นกลม เรียกว่าหมอนรองกระดูกมีลักษณะที่เหนียวนุ่ม โดยปกติแล้วหมอนรองกระดูกจะมีหน้าที่ลดแรงกระแทกต่อกระดุกสันหลัง มีโครงสร้างแบ่งออกเป็น 2 ชั้นที่ใหญ่ ๆ ได้แก่
- ชั้นนอก เป็นเนื้อเยื่อที่เรียงตัวซ้อนกันเป็นชั้น ๆ จนมีความแข็งแรงมาก
- ชั้นใน เป็นกึ่งแข็งกึ่งเหลวที่คล้ายกันวุ้น
ซึ่งลำตัวถูกใช้งานไปในทิศทาง ที่ไม่เหมาะสมหรือว่าการใช้งานแบบบซ้ำ ๆ ประจำ เช่นการนั่งทำงานนาน ๆ ที่มีการเบี้ยวตัวบ่อย ๆ หรือว่ามี การออกกำลังกายที่ออกแรงกระแทกที่บ่อย ๆ ไม่ถูกหลักการ

รวมถึงการยกของที่หนัก ๆ ร่วมด้วย จะทำให้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงโครงสร้างชั้นนอก โรค และยา ของหมอนรองกระดูกฉีกขาด และ โครงสร้างของหมอนรองกระดูกจะปลิ้นออก มาจากตำแหน่งที่เคยอยู่ จนไปทับเส้นประสาทที่อยู่บริเวณที่ปลิ้นออกมา ทำให้เกิดอาการปวดหลังบ้าง ปลายประสาทนิ้วมือชาบ้าง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มักมีโอกาสที่ระดับเอวมากที่สุด เพราะกระดูกสันหลังนี้เคลื่อนไหวได้หลายทิศทาง และ ยังต้องรับน้ำหนักส่วนบนไว้อีกด้วย และรองลงมาคือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่กระดูกหลังส่วนคอ และสุดท้ายนั้นก็คือส่วนอก ที่เคลื่อนไหวได้ไม่มากสักเท่าไหร่ถ้าเทียบกับส่วนอื่น ๆ
โรคและยา อาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
โรคและยา อาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีอาการปวดที่หลังมากจนเดินไม่ได้ ชาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างทั้งแขนและขา หรือ ว่าทั้งสองข้างอ่อนแรงขยับไม่ได้เลยก็มี ที่พบบ่อยมากคือ
1.หมอนรองกระดูกทับคอ กระดูกส่วนนี้จะมีปัญหาในการปวดต้นคอ เคลื่อนไหวได้น้อย หรือ ว่ามีอาการปวดได้มากขึ้น ชาหรือว่าอ่อนแรง นอกจากนั้นยังพบการทำงาน ของไขสันหลังและเส้นประสาทไขสันหลัง เส้นประสาทไขสันที่ ต่ำลง
2.หมอนรองกระดูกระดับอก ถ้าหมอนรองมีปัญหาจะมีอาการรปวดที่หลัง เช่น การเคลื่อนไหวที่เอวได้น้อยลง มีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว
3.หมอนรองกระดุกระดับเอว จะมีอาการปวดหลัง เคลื่อนไหวเอวและสะโพก ได้น้อยลงมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีการคลื่อนไหวอยู่บ่อย ๆ รวมถึงมีอาการชา และ อ่อนแรงของแขนด้านใดด้านหนึ่ง ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิด การควบคุมกระเพาะปัสสาวะหรือการขับถ่าย ร่วมด้วย
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิด อาการปวดหลังนี้
- ที่นอนอาจจะแข็งมากเกินไป
- การสูบบุหรี่ เนื่องจากจะทำให้หมอนรองกระดูก นั้นหยืดหยุ่นได้
- กระดูกพรุนหรือว่าบาง
- ยกของหนัก
- ภาวะอ้วนน้ำหนักตัวเกินไป โรค และยาต้องคอยรับน้ำหนักอยู่ตลอดเวลา
- นั่งทำงานมาก ๆ หรือท่าการเคลื่อนไหวใน การทำงานที่ผิดปกติ
- พันธุกรรม เป็นผู้ป่วยที่ทอดถ่ายทางกรรมพันธุ
- ประสบอุบัติเหตุ การได้รับการบาดเจ็บจากที่สูง

การรักษาในทางการแพทย์ จะรักษาด้วย
ยาแก้ปวด ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเพียงเล็กน้อยนั้น สามรถรับประทานยา เช่น ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน
ยาแก้ปวดชนิดแบบเสพติด หากผู้ป่วยรับประทานยาทั่วไปแล้วยังไม่หายดี
หรือว่ามีอาการทุเลาลงโรคและยาแพทย์จะสั่งยาชนิดแบบเสพติด ให้รับประทาน เช่น โคเดอีน หรือ ยา พาราเซตามอลที่ผ่านการผสมสังเคราะห์ออกซิโคโดน โดยแพทย์จะจ่ายยานี้ให้ ผู้ป่วยรับประทานในเวลาสั้น ๆ ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการข้างเคียงของยา โดยจะมีอาการง่วง คลื่นไส้ และท้องผูก
ยาระงับอาการปวดที่เส้นประสาท หากมีอาการปวดชาที่ขา หรือว่าที่แขน ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ ตามแนวเส้นประสาทไซอาติก แพทย์จะสั่งยาแก้ปวดทันที ที่มีฤทธิ์ที่แรงขึ้น
ยาคล้ายกล้ามเนื้อ แพทย์จะสั่งยาคลายกล้ามเนื้อโรคและยา ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง
โดยจะให้รับประทานยานี้ประมาณ 2-3 วัน เพื่อรักษาอาการปวด
กายภาพบำบัด จะช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น รวมทั้งป้องกันการได้รับความเจ็บปวด กระดูกเส้นที่อาการไม่ค่อยดีขึ้น แพทย์มักจะ แนะนำให้ทำกายภาพบำบัด